1.แบบติดหน้าต่าง หรือ WINDOW TYPE
เป็นประเภทที่รวมอุปกรณ์ทุกอย่างไว้ในชุดเดียว และติดแขวนไว้ที่ช่องหน้าต่างหรือผนังห้อง โดยเป่าลมเย็นให้เข้าห้อง พร้อมกับมีส่วนระบายความร้อนออกมาด้านนอก แบบนี้ตัวเครื่องจะมีขนาด ประมาณ 0.7-2.5 ตัน เครื่องปรับอากาศประเภทนี้เหมาะกับห้องที่ติดตั้งวงกบหน้าต่าง มีกระจกช่องแสงปิดตาย บานกระทุ้งหรือบานเกล็ด
ข้อดี :
– การติดตั้งเคลื่อนย้ายสะดวกและรวดเร็ว
ข้อเสีย :
– หากเครื่องมีขนาดใหญ่เกินไปจะมีปัญหาในการติดตั้ง เพราะบริเวณช่องหน้าต่างไม่สามารถรับน้ำหนักมากได้
– กินไฟสูงและมีเสียงดังกว่าทุกประเภทเพราะการสั่นสะเทือนของตัวเครื่อง
2.แบบแยกส่วน หรือ SPLIT TYPE
เป็นแบบที่นิยมใช้กันมากที่สุด ที่เรียกว่าแยกส่วนเพราะได้แยกเอาส่วนที่เป่าลมเย็นออกจากตัวเครื่องระบายความร้อน โดยมีขนาดตั้งแต่ 1- 50 ตัน ติดตั้งได้ทั้งที่ใต้เพดานหรือบนพื้นราบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสวยงามและความเหมาะสมกับห้อง
ข้อดี : ไม่ค่อยมีเสียงดังรบกวน เหมาะกับห้องนอนที่ต้องการความเงียบ
ข้อเสีย : มีความยุ่งยากในการติดตั้ง เพราะต้องคำนึงถึงการเดินท่อระหว่างเครื่องที่แยกส่วน
3.แบบเครื่องชนิดทำน้ำเย็น หรือ WATER CHILLER
ระบบนี้ใช้น้ำเป็นตัวกลางในการสร้างความเย็น เหมาะใช้กับอาคารขนาดใหญ่ ตัวเครื่องมีน้ำหนักตั้งแต่100 ตันขึ้นไป
ข้อดี : กินไฟน้อยกว่าประเภทอื่น
ข้อเสีย : มีความยุ่งยากในการติดตั้งมาก และต้องเตรียมโครงสร้างให้แข็งแรง
4.แบบเคลื่อนที่ได้ หรือ PORTABLE TYPE
เป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สะดวกในการนำไปใช้งาน ตัวเครื่องมีขนาดกระทัดรัด เคลื่อนย้ายได้ง่าย เนื่องจากติดตั้งตัวล้อไว้ที่ฐาน
ข้อดี : เคลื่อนย้ายไปทุกที่ได้สะดวก น้ำหนักเบา ใช้งานง่ายและกินไฟน้อย
ข้อเสีย : ใช้ได้กับห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ประมาณ 10-13 ตารางเมตร
1. ขนาดที่เหมาะสมกับห้องที่ต้องการติดตั้ง
สามารถดูได้จากตาราง ขนาดพื้นที่ห้องเทียบความสูงของห้องปกติ ( ไม่เกิน 3เมตร )
พื้นที่ห้องตามความสูงปกติ ขนาดเครื่องปรับอากาศ
2. คำนึงถึงการใช้งานหรือวัตถุประสงค์ของห้องต่างๆ เช่น
– ห้องที่มีพื้นที่จำกัด เช่นห้องชุด คอนโดมิเนียม ควรใช้แบบแขวนใต้ฝ้าเพดาน
– ห้องนอน ควรเน้นประเภทที่เงียบเป็นพิเศษ และให้ความแม่นยำในการควบคุมอุณหภูมิเพื่อการพักผ่อนยาวนานตลอดคืน
– อาคารขนาดใหญ่ นิยมใช้เป็นระบบปรับอากาศส่วนกลาง หรือ CENTRAL AIR
นอกจากนี้ต้องคำนึง เรื่องการวางระบบโครงสร้าง ภายนอก ภายใน รวมถึงระบบไฟฟ้า และพื้นที่ในการเดินท่อต่างๆ
3. พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ ( ดูจากฉลากที่ติดมากับตัวเครื่อง )
ควรเลือกประเภทที่ประหยัดพลังงานไฟฟ้า โดยดูจาก ค่า EER ( ENERGY EFFICIENCY RATIO )
ค่าที่ได้ควรเท่ากับ10 หรือมากกว่า ค่า EER ยิ่งมากเท่าไรก็จะประหยัดไฟฟ้ามากขึ้น
EER = ขนาดทำความเย็น (บีทียู/ชั่วโมง) กำลังไฟฟ้าที่ใช้ทั้งหมด ( วัตต์ )
ค่า EER ตั้งแต่ 7.6 ลงไป ถือว่าอยู่ในระดับ 1 มีเกณฑ์ต่ำ
ค่า EER ตั้งแต่ 7.6-8.6 ถือว่าอยู่ในระดับ 2 มีเกณฑ์พอใช้
ค่า EER ตั้งแต่ 8.6-9.6 ถือว่าอยู่ในระดับ 3 มีเกณฑ์ปานกลาง
ค่า EER ตั้งแต่ 9.6-10.6 ถือว่าอยู่ในระดับ 4 มีเกณฑ์ดี
ค่า EER ตั้งแต่ 10.6ขึ้นไป ถือว่าอยู่ในระดับ 5 มีเกณฑ์ดีมาก
4. ราคาและการบริการหลังการขาย
ปัจจุบันเครื่องปรับอากาศส่วนใหญ่มีมาตราฐานใกล้เคียงกันมาก ดังนั้นการพิจารณาอาจเปรียบเทียบจากจำนวนปีที่ใช้งานกับราคาของเครื่อง และใช้กระแสไฟน้อยที่สุดแต่ให้ความเย็นมากที่สุด รวมถึงการรับประกันสินค้าและบริการหลังการขาย
1.บริเวณที่สามารถระบายความร้อนได้สะดวก
2.ไม่โดนฝนสาดได้ง่าย
3.บริเวณที่ไม่ถูกแสงแดดส่องโดยตรงตลอดเวลา
4.บริเวณที่สามารถปล่อยให้เสียงและลมร้อนเป่าออกมาได้โดยไม่รบกวนบริเวณข้างเคียง
5.ตำแหน่งติดตั้งควรมีโครงสร้างแข็งแรง หรือใกล้คานหรือเสา เพื่อรับน้ำหนักตัวเครื่องได้ดี
6.ตัวเครื่องควรยกระดับให้พ้นจากพื้นดินอย่างน้อย 10 เซนติเมตร หรือพ้นจากระดับที่น้ำท่วมถึง และในบริเวณที่สามารถซ่อมบำรุงได้ง่าย
7.หลีกเลี่ยงการติดตั้งในบริเวณที่มีโอกาสติดไฟเนื่องจากแก๊สรั่ว
8.หลีกเลี่ยงการติดตั้งในบริเวณที่มีกรดซัลไฟด์ เช่น บริเวณท่อระบายน้ำทิ้ง
9.ตำแหน่งที่ไม่กีดขวางทางเดิน
ที่มา : การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
การแก้ปัญหาเรื่องความชื้นและน้ำหยดของเครื่องปรับอากาศในสถานที่สาธารณะ เช่น ร้านอาหาร ร้านค้าปลีก หรือสำนักงานที่มีส่วนต้อนรับติดแอร์เย็นฉ่ำ สำหรับบ้านพักอาศัยก็เป็นได้ ปรากฏการณ์นี้เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากปฏิกิริยาการควบแน่น อธิบายอีกอย่างได้ว่าไอน้ำกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ โดยจะเกาะอยู่รอบภาชนะ ตัวอย่างที่เห็นชัดมากคือ แก้วใส่น้ำแข็งจะมีหยดน้ำมาเกาะที่แก้ว ยิ่งอากาศร้อนเท่าไรหยดน้ำก็ยิ่งมากขึ้น นั่นคือความชื้นที่มีอยู่ในอากาศจะกลั่นตัวเป็นน้ำหยดลงมา
แต่คราวนี้ปรากฏการณ์นี้มาเกิดกับบริเวณจุดดูดอากาศกลับ และหรือที่หัวจ่ายเครื่องปรับอากาศ ลองนึกดูว่าตัวเครื่องปรับอากาศนั้นก็เหมือนกับแก้วน้ำเย็น ดังนั้นจึงมีหยดน้ำเกาะ และหากเป็นนานๆ เข้าจะเกิดปัญหาของเชื้อรา สีพอง ผนังร้าวเพิ่มเข้ามาให้เราปวดหัวอีก ส่วนท่านที่เป็นโรคภูมิแพ้นั้นจะได้รับโชคสองชั้น เพราะโรคคุณจะกำเริบแน่นอน
อะไรเป็นสาเหตุให้เกิดเหตุการณ์นี้ ก่อนอื่นทุกท่านควรทราบว่าอากาศปกติของประเทศไทยเป็นอากาศร้อนชื้น หมายความว่ามีความชื้นในบรรยากาศมากอย่างที่เราคงเคยได้ยินเรื่องความชื้นสัมพัทธ์ ประเทศไทยมีความชื้นเฉลี่ยร้อย 90 เราจึงเหนียวตัวได้ง่าย ส่วนธรรมชาติในห้องปรับอากาศคือเย็นและแห้งตรงตามตัว เพราะหน้าที่ของเครื่องปรับอากาศคือรีดความชื้นและทำความเย็น แล้วมาเกี่ยวอะไรกัน? สิ่งที่เกี่ยวคือทุกครั้งที่เราเปิดประตู อากาศเย็นก็จะวิ่งออก และอากาศร้อนจะเข้ามาแทนที่ นอกจากอุณหภูมิที่แตกต่างกันจะมาปะทะกันแล้ว เวลาอากาศร้อนเคลื่อนที่เข้ามาก็นำพาเอาความชื้นลอยตามเข้ามาด้วยเช่นกัน จุดที่จะเกิดการควบแน่นที่เห็นชัดสุดก็จะเป็นบริเวณส่วนที่เป็นโลหะ เนื่องจากมีอุณหภูมิต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตะแกรงของเครื่องปรับอากาศที่อยู่บริเวณหัวจ่าย หลายท่านไม่เข้าใจกลไกธรรมชาติอันนี้ก็คิดว่าเครื่องปรับอากาศไม่ดี ไม่มีประสิทธิภาพ หลายท่านอาจลงทุนเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศ ซึ่งท่านก็จะพบปัญหาเดิมเกิดขึ้นอีก สิ่งที่ต้องทำคือกั้นไม่ให้อากาศเย็นลอยออก และไม่ให้อากาศร้อนเข้ามา แล้วเราจะทำได้อย่างไรนั้นมีด้วยกันอยู่ 2 วิธี
– วิธีแรก คือ การทำประตูสองชั้น จะพบได้ตามห้างสรรพสินค้า อาคารรุ่นเก่าทั่วไป หรืออาคารสำนักงานหลายแห่ง โดยระยะห่างระหว่างประตูคือ 2-4 เมตร และหากสังเกตจะไม่มีการเปิดประตูทิ้งไว้ เพราะพื้นที่ระหว่างสองประตูนั้นจะมีการอัดอากาศเข้ามาหรือดูดอากาศจากภายในมาทิ้งที่บริเวณนี้ นอกจากเป็นอุณหภูมิที่เป็นกลางๆ แล้ว ยังช่วยทำหน้าที่เป็นฉนวนอากาศที่กั้นไม่ให้มีความแตกต่างทางอุณหภูมิมากเกินไป และนอกจากจะช่วยปรับอุณหภูมิแล้ว จุดนี้ยังช่วยในการประหยัดพลังงานและเป็นการป้องกันเสียงด้วย
– วิธีที่สอง คือ การใช้ม่านอากาศหรือ Air Curtain อันนี้สำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นที่ทำประตูสองชั้น การทำงานคือเป็นเครื่องเป่าลมแรงสูง วิธีการทำงานเหมือนเครื่องอัดอากาศที่ไม่ได้ปรับอากาศ การติดตั้งง่าย ดูแลรักษาง่ายและไม่ได้กินไฟมาก ข้อเสียอย่างเดียวคือ ทำให้ผมเสียทรงเพราะลมแรงมาก สำหรับผู้ที่สนใจต้องศึกษาความสูงและความกว้างของประตูของเราให้ดี เพราะมีขนาดและความแรงต่างกันตามระดับความสูง และหากประตูใหญ่มากก็มีรุ่นสำหรับอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่พิเศษ เช่น ประตูห้องเย็น เครื่องปรับอากาศชั้นนำทุกยี่ห้อมีม่านอากาศขาย นอกจากจะช่วยควบคุมอุณหภูมิแล้ว ยังป้องกันฝุ่น เสียงและมลพิษได้…
ที่มา : นิตยสาร Decoration Guide เมษายน 2010